เปิดประวัติสี่หูห้าต้า

สี่หูห้าตา

ตำนานเรื่องเล่าของ สี่หูห้าตา จากนิทานพื้นบ้าน
กาลครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีชายหนุ่มกำพร้าผู้หนึ่งฐานะยากจนขัดสนมาก แต่ที่ยังมีที่ดินทำกินเพียงน้อยนิดไว้สำหรับปลูกข้าว มีอยู่ปีหนึ่งเหมือนว่าฝนฟ้าจะไม่เป็นใจกับชายหนุ่มมากนัก
ต้นข้าวที่ปลูกไว้แห้งตายมากพอสมควร แต่ก็ยังมีเหลืออยู่บ้าง ต่อมาวันหนึ่งมีพระอินทร์บนสวรรค์อีกท่านหนึ่งชื่งมองเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของชายหนุ่มผู้นี้ พระอินทร์ผู้มีศักดิ์ท่านนี้ จึงคิดอยากจะลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อจะช่วยเหลือชายหนุ่มกำพร้า
ให้พ้นจากความทุกข์ยาก จึงจำแลงแปลงกายมาปรากฎเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง ซึ่งมีหู ๔ หู และมีตาอีก ๕ ดวง ซึ่งในโลกมนุษย์ไม่มีสัตว์ประเภทแบบนี้เลยก็ว่าได้ และสัตว์ประหลาดตัวนี้ ก็ได้มาทำลายต้นข้าวส่วนที่เหลือของชายหนุ่มผู้นี้ บังเอิญชายหนุ่มซึ่งได้มาพบเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังทำลายต้นข้าวของตน จึงเกิดความโมโหขึ้นมา คิดจะฆ่าสัตว์ตัวนี้ในทันที แต่ก็ไม่มีอาวุธใดที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ และพยายามหาวิธีจะกำจัดให้พ้นไป แต่ไม่รู้จะทำวิธีการใดอีก
ระยะเวลาผ่านไป จนกระทั่งชายหนุ่มจับสัตว์ประหลาดนั้นได้ จึงพามายังที่พักเป็นกระท่อมหลังเล็กๆ และได้ผูกติดกับต้นเสา พอตกเย็นใกล้ถึงหัวค่ำชายหนุ่มก็ได้นำเอาพืช ผัก ผลไม้ อาหารที่มีอยู่ตามประสาคนจนพอมีพอกิน ให้สัตว์ประหลาดตัวนั้นกิน แต่มันไม่ยอมกินอาหารแต่อย่างใด มันทำตัวดูเหมือนหนาวจัด คงต้องการความอบอุ่นมาก ชายหนุ่มจึงหาฟืนมาก่อไฟให้มัน จนระยะเวลาผ่านไป ชายหนุ่มรู้สึกง่วงนอนและยังรู้สึก งง อย่างมากที่ได้พบสัตว์ประหลาดตัวนี้ แต่ขณะที่ชายหนุ่มจะกลับไปนอนพักผ่อน ก็พบความแปลกประหลาดมากไปกว่านั้นอีก พอหันกลับมาอีกทีเห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้นกำลังจับถ่านไฟแดงที่ร้อนจัดกินเข้าไปอย่างไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด ชายหนุ่มนั้นตกตะลึงมาก จนกระทั่งชายหนุ่มเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็สว่างพอดี
ชายหนุ่มผู้นี้ก็ตื่นขึ้นด้วยความตกตะลึง ทั้งประหลาดใจอย่างไม่เคยพบเจอมาก่อน ชายหนุ่มผู้นี้เห็นสัตว์ประหลาดยังกินถ่านไฟอยู่ และยังขับถ่ายออกมาเป็นทองคำแท้อีกด้วย ชายหนุ่มกำพร้าจึงร่ำรวยเรื่อยมา ชายหนุ่มจึงกลับมาทบทวนความคิดอีกครั้ง…เอ…ดีนะที่เราไม่ได้ฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้น มิเช่นนั้นเราคงไม่มีทรัพย์สมบัติมากมายอย่างนี้
แสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มกำพร้าผู้นี้ยังมีความเมตตาอยู่บ้างถึงแม้ต้นข้าวที่ถูกทำลายจนเกิดความเสียหายจนโมโหมาก แต่ก็ยังคิดจะละเว้นชีวิตให้สัตว์ตัวนี้
เรื่องนี้อ้างอิงมาจากเรื่องเล่าของหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา(ครูบาวงศ์)
อยากให้ทุกคนหมั่นรักษาศีล ภาวนาให้มาก ๆ และมีพรหมวิหารสี่ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ถ้าคนเรายึดถือสิ่งเหล่านี้ได้ชีวิตเราจะพบแต่ความสุขตลอดกาล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า